เซตจำกัด ( Finite Set )
คือ เซตที่สามารถนับจำนวนสมาชิกได้ทั้งหมดและมีจำนวนที่แน่นอน
- เช่น -
A = {1, 2, 3, … ,20}
B = {x | x เป็นจำนวนคี่บวกที่มีค่าน้อยกว่า 10}
เซต เป็นคำที่ไม่ให้ให้นิยาม (Undefined Term) เรามักใช้เซตแทนสิ่งที่อยู่ร่วมกัน ซึ่งหมายถึงกลุ่มของสิ่งต่างๆ
ที่เราสามารถกำหนดสมาชิกได้ชัดเจน (Well-Defined)
คือ เซตที่สามารถนับจำนวนสมาชิกได้ทั้งหมดและมีจำนวนที่แน่นอน
- เช่น -
A = {1, 2, 3, … ,20}
B = {x | x เป็นจำนวนคี่บวกที่มีค่าน้อยกว่า 10}
คือ เซตที่ไม่สามารถบอกจำนวนสมาชิกได้เพราะสมาชิกมีจำนวนมาก
- เช่น -
A = {1, 2, 3, …}
B = {x | x เป็นจำนวนคี่บวก}
คือ เซตที่ไม่มีสมาชิก หรือมีจำนวนสมาชิกในเซตเป็นศูนย์
- แทนด้วยสัญลักษณ์ { } หรือ Ø
คือ เซตที่กำหนดขอบเขตของสิ่งที่ต้องการศึกษา ซึ่งถือว่าเป็นเซตที่ใหญ่ที่สุด
- แทนด้วยสัญลักษณ์ U ( Universe )
มีนิยามว่า เซต A ยูเนียนกับเซต B คือเซตซึ่งประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นสมาชิกของเซต A หรือ เซต B หรือทั้ง A และ B
สามารถเขียนแทนได้ด้วยสัญลักษณ์ A ∪ B (Keyword: การนำสมาชิกทั้งสองเซตมารวมกัน ตัวใดซ้ำตัดเอาเพียงตัวเดียว)
มีนิยามว่า เซต A อินเตอร์เซกชันเซต B คือเซตซึ่งประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นสมาชิกของทั้งเซต A และเซต B
สามารถเขียนแทนได้ด้วยสัญลักษณ์ A ∩ B (Keyword: สมาชิกที่ซ้ำกันของทั้งสองเซต)
มีนิยามว่า ถ้าเซต A ใดๆ คอมพลีเมนต์ของเซต A คือ เซตที่ประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นสมาชิกของเอกภพสัมพัทธ์ (U) แต่ไม่เป็นสมาชิกของ A
สามารถเขียนแทนได้ด้วยสัญลักษณ์ A’ (Keyword: สมาชิกที่เหลือที่ไม่ได้อยู่ในเซตที่เรากำหนด)
มีนิยามว่า ถ้าเซต A และ B เป็นเซตใดๆในเอกภพสัมพัทธ์เดียวกันแล้ว ผลต่างของเซต A และ B คือ เซตซึ่งประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นสมาชิกของเซต A แต่ไม่เป็นสมาชิกของเซต B
สามารถเขียนแทนได้ด้วยสัญลักษณ์ A - B (Keyword: สมาชิกที่อยู่ในเฉพาะเซตตัวหน้า ไม่รวมตัวซ้ำ)
คือ เซตที่เล็กกว่าหรือเท่ากันกับเซตที่กำหนด โดยต้องใช้สมาชิกร่วมกับเซตที่กำหนดเท่านั้น
ถ้าสมาชิกทุกตัวของ A เป็นสมาชิกของ B แล้ว จะเรียกว่า A เป็นสับเซตของ B จะเขียนว่า
เซต A เป็นสับเซตของเซต B แทนด้วย A ⊂ B
ถ้าสมาชิกบางตัวของ A ไม่เป็นสมาชิกของ B จะเรียกว่า A ไม่เป็นสับเซตของ B จะเขียนว่า
เซต A ไม่เป็นสับเซตของเซต B แทนด้วย A ⊄ B
เซต |
จำนวนสมาชิกของเซต |
จำนวนสับเซตทั้งหมด |
1. A = Ø 2. B = { 1 } 3. C = { 1 , 2 } 4. D = { 1 , 2 , 3 } |
0 1 2 3 |
20 = 1 21 = 2 22 = 4 23 = 8 |
หมายถึง เซตของสับเซต จะเขียนแทนเพาเวอร์เซตของเซต A ด้วย P(A)
การจะหาเพาเวอร์เซตได้ จะต้องหาสับเซตทั้งหมดก่อน จึงจะใส่ {} ครอบลงไป เพื่อทำให้เป็นเพาเวอร์เซตได้
แผนภาพเวนน์-ออยเลอร์ เป็นแผนภาพแสดงความเกี่ยวข้องของเซตต่าง ๆ ซึ่งชื่อที่ใช้เรียกเป็นชื่อของนักคณิตศาสตร์สองคน
คือ จอห์น เวนน์ และ เลโอนาร์ด ออยเลอร์
การเขียนแผนภาพ จะแทน เอกภพสัมพัทธ์ U ด้วยสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือรูปปิดใดๆ ส่วนเซตต่างๆเช่น เซต A,B,C...
จะเขียนแทนเป็นสัญลักษณ์วงกลมและมีสมาชิกอยู่ภายใน
สรุปวิธีการในการหาคำตอบของโจทย์ปัญหาในเรื่องการหาจำนวนสมาชิกของเซต มีดังนี้
💡 แทนเซตของสิ่งของใดๆในโจทย์ปัญหาด้วยของเซต เช่น A,B หรือ Cนายภีรวิช ภักดีภิญโญ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 เลขที่ 14 โรงเรียนอุตรดิตถ์ | ปีการศึกษา 2562
คุณครูมานพ ขันเอีย กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โรงเรียนอุตรดิตถ์
- OpenDurian: สับเซตและเพาเวอร์เซต
- OpenDurian: แผนภาพเวนน์-ออยเลอร์